คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ต้องเข้าใจว่า นิพพาน ไม่ได้แปลว่าตาย ไม่ได้หมายถึงความตาย ... ผู้ใดได้บรรลุนิพพาน ไม่ใช่หมายถึงผู้นั้นต้องตาย
นิพพานเป็นสภาวะธรรมอย่างหนึ่ง ที่แตกต่างจากสภาวะธรรมอื่นๆทั้งหมด
ผู้ได้บรรลุนิพพาน หมายถึงผู้นั้นได้รู้เห็นนิพพานด้วยมรรคญาณ ซึ่งมีขั้นตอน 4 ขั้น
ผู้ที่ได้รู้เห็นนิพพาน หรือ ได้บรรลุนิพพาน เรียกว่า พระอริยบุคคล หรือพระอริยเจ้า ซึ่งมี 4 ประเภท คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์
เมื่อพระอริยบุคคลขั้นใดได้บรรลุนิพพานในขั้นที่ตนบรรลุนั้น ก็จะทำลายกิเลสชั้นลึกสุดที่เรียกว่า ชั้นอนุสัย (ซึ่งปกติหมายถึงสังโยชนฺ์ทั้ง 10) ออกไปได้ตามกำลังของมรรคนั้นๆ เช่น พระอริยบุคคลขั้นต้นคือพระโสดาบัน จะทำลายสังโยชน์ได้ 3 ตัว ...พระอริยบุคคลขั้นสูงสุดคือพระอรหันต์ จะทำลายสังโยชน์ได้หมดเกลี้ยงทั้ง 10 ตัว
การตั้งคำถามว่า มีสภาวะหลังนิพพาน จึงเป็นการตั้งคำถามที่ไม่ถูกต้องนัก ... เพราะไม่มีคำตอบ ... ควรตั้งคำถามว่า สภาวะหลังได้บรรลุนิพพานแล้ว หรือได้รู้เห็นนิพพานแล้ว ....จึงจะมีคำคอบให้ได้
คำตอบคือ....สภาวะของผู้ได้รู้เห็นหรือบรรลุนิพพานโดยสมบูรณ์ เป็นพระอรหันต์แล้ว หลายๆประเภท ต่างกันหรือไม่มากน้อยเพียงใด จะมีความหมาย 2 ส่วน คือ
- ส่วนที่เป็นโลกกุตตระ จะเท่ากันหมด ไม่มีการแบ่งแยก ไม่ว่า พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์อื่นๆทุกๆแบบ
- ส่วนที่เป็นโลกียะ จะแตกต่างกันไป ตามกรรม บุญวาสนา บารมี ที่ได้สะสม ได้กระทำมาต่างๆกันในอดีตชาติ ...เช่น ผลจากวิบากกรมต่างๆ ความรู้เห็นเป็นไปต่างๆ อภิญญาต่างๆ เป็นต้น ฯลฯ... เช่น ญาณ อภิญญา ของพระพุทธเจ้า ย่อมเหนือกว่าของพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์อื่นๆ ทั้งหมด .... แม้แต่ระดับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยกัน ก็มีอะไรหลายๆอย่างที่เป็นคุณสมบัติทางโลกียะ ต่างๆกัน ... เช่น สมัยเมื่อแสนกัปล์ที่ผ่านมา สมัยนั้น มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งมาทรงอุบัติ ชื่อว่า พระปทุมุตตระสัมมาสัมพุทธเจ้า ... พระพุทธเจ้าปทุมุตตระ พระองค์นี้ มีบารมีมากมายมหาศาล พระองค์มีพระชนม์มายุแสนปี ทำให้โลกทั้งโลกนับถือศาสนาพุทธได้ทั้งหมด พระภิกษุสงฆ์ที่มาบวช จะได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลทั้งหมด อย่างต่ำได้ถึงพระอนาคามี ... มีรัศมีเป็นแสงสว่างออกมาจากพระวรกายของพระองค์ตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืน ทำให้โลกทั้งโลกสว่างไปหมด ไม่มีกลางคืน มีแต่กลางวัน เพราะแสงสว่างเสมอเท่ากันหมด... มนุษย์ในยุคนั้น กำหนดเวลากลางคืนด้วยการดูเวลาที่นกตื่นมาส่งเสียงร้องออกหากิน ว่า ถึงเวลาเช้าแล้ว เป็นวันใหม่แล้ว
นิพพานเป็นสภาวะธรรมอย่างหนึ่ง ที่แตกต่างจากสภาวะธรรมอื่นๆทั้งหมด
ผู้ได้บรรลุนิพพาน หมายถึงผู้นั้นได้รู้เห็นนิพพานด้วยมรรคญาณ ซึ่งมีขั้นตอน 4 ขั้น
ผู้ที่ได้รู้เห็นนิพพาน หรือ ได้บรรลุนิพพาน เรียกว่า พระอริยบุคคล หรือพระอริยเจ้า ซึ่งมี 4 ประเภท คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์
เมื่อพระอริยบุคคลขั้นใดได้บรรลุนิพพานในขั้นที่ตนบรรลุนั้น ก็จะทำลายกิเลสชั้นลึกสุดที่เรียกว่า ชั้นอนุสัย (ซึ่งปกติหมายถึงสังโยชนฺ์ทั้ง 10) ออกไปได้ตามกำลังของมรรคนั้นๆ เช่น พระอริยบุคคลขั้นต้นคือพระโสดาบัน จะทำลายสังโยชน์ได้ 3 ตัว ...พระอริยบุคคลขั้นสูงสุดคือพระอรหันต์ จะทำลายสังโยชน์ได้หมดเกลี้ยงทั้ง 10 ตัว
การตั้งคำถามว่า มีสภาวะหลังนิพพาน จึงเป็นการตั้งคำถามที่ไม่ถูกต้องนัก ... เพราะไม่มีคำตอบ ... ควรตั้งคำถามว่า สภาวะหลังได้บรรลุนิพพานแล้ว หรือได้รู้เห็นนิพพานแล้ว ....จึงจะมีคำคอบให้ได้
คำตอบคือ....สภาวะของผู้ได้รู้เห็นหรือบรรลุนิพพานโดยสมบูรณ์ เป็นพระอรหันต์แล้ว หลายๆประเภท ต่างกันหรือไม่มากน้อยเพียงใด จะมีความหมาย 2 ส่วน คือ
- ส่วนที่เป็นโลกกุตตระ จะเท่ากันหมด ไม่มีการแบ่งแยก ไม่ว่า พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์อื่นๆทุกๆแบบ
- ส่วนที่เป็นโลกียะ จะแตกต่างกันไป ตามกรรม บุญวาสนา บารมี ที่ได้สะสม ได้กระทำมาต่างๆกันในอดีตชาติ ...เช่น ผลจากวิบากกรมต่างๆ ความรู้เห็นเป็นไปต่างๆ อภิญญาต่างๆ เป็นต้น ฯลฯ... เช่น ญาณ อภิญญา ของพระพุทธเจ้า ย่อมเหนือกว่าของพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์อื่นๆ ทั้งหมด .... แม้แต่ระดับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยกัน ก็มีอะไรหลายๆอย่างที่เป็นคุณสมบัติทางโลกียะ ต่างๆกัน ... เช่น สมัยเมื่อแสนกัปล์ที่ผ่านมา สมัยนั้น มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งมาทรงอุบัติ ชื่อว่า พระปทุมุตตระสัมมาสัมพุทธเจ้า ... พระพุทธเจ้าปทุมุตตระ พระองค์นี้ มีบารมีมากมายมหาศาล พระองค์มีพระชนม์มายุแสนปี ทำให้โลกทั้งโลกนับถือศาสนาพุทธได้ทั้งหมด พระภิกษุสงฆ์ที่มาบวช จะได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลทั้งหมด อย่างต่ำได้ถึงพระอนาคามี ... มีรัศมีเป็นแสงสว่างออกมาจากพระวรกายของพระองค์ตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืน ทำให้โลกทั้งโลกสว่างไปหมด ไม่มีกลางคืน มีแต่กลางวัน เพราะแสงสว่างเสมอเท่ากันหมด... มนุษย์ในยุคนั้น กำหนดเวลากลางคืนด้วยการดูเวลาที่นกตื่นมาส่งเสียงร้องออกหากิน ว่า ถึงเวลาเช้าแล้ว เป็นวันใหม่แล้ว
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ศาสนาพุทธ
เกี่ยวกับสภาวะหลังนิพพาน
(ที่สงสัยเพราะเวลาในการบำเพ็ญเพียรไม่เท่ากัน เลยอยากรู้ว่าในเมื่อบำเพ็ญเพียรมาไม่เท่ากันแล้ว สภาวะหลุดพ้นจะเหมือนกันไหม)